ก้าวสู่ปีที่ 31 “รฟม.” ลุยขยายเส้นทางรถไฟฟ้า เติมเต็มโครงข่ายคมนาคม
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า รฟม. ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันก่อตั้ง รฟม. ครบรอบ 30 ปี ภายใต้แนวคิด “30 ปี รฟม. เชื่อมต่อเส้นทางสู่ความยั่งยืน Completing, Connection, Mission for All” โดยในช่วงเช้าได้จัดพิธีทำบุญ พิธีรับประกาศนียบัตรกำกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 63 และพิธีมอบของระลึกให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานเป็นเวลา 15 ปี 20 ปี 25 ปี และ 30 ปี ในโอกาสนี้ได้จัดนิทรรศการครบรอบ 30 ปี รฟม. ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของ รฟม. ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจำลองอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินขนาดเท่าของจริงมาจัดแสดงไว้บริเวณสวนหย่อมด้านข้างอาคาร 1 รฟม. เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงศักยภาพของ รฟม. ทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน จนสามารถบริหารงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของประเทศได้สำเร็จเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่า รฟม. เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานของ รฟมคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น. ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคมในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโครงข่ายรถไฟฟ้าที่สมบูรณ์ตามแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พร้อมทั้งพัฒนาองค์กรในด้านต่างๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาระบบเทคโนโลยี
รวมทั้งส่งเสริมให้บุคลากร รฟม. มีทักษะความรู้ด้านนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน อาทิ การนำเทคโนโลยี EMV Contactless มาใช้กับระบบตั๋วร่วมในรูปแบบการชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ รฟม. เปิดให้บริการแล้ว 2 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ และรองรับการก้าวสู่สังคมยุคดิจิทัล รวมถึงการดำเนินงานโดยยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน ต่อไป
นายภคพงศ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน รฟม. ได้เร่งรัดดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เป็นไปตามแผนงาน โดยมีความก้าวหน้า ณ สิ้นเดือน ก.ค.65 ดังนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีความก้าวหน้างานโยธา 94.99% และงานระบบรถไฟฟ้า 93.99% โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มีความก้าวหน้างานโยธา 91.74% และงานระบบรถไฟฟ้า 89.39% โดยทั้งสองโครงการจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 66 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์- มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งโครงการนี้แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีความก้าวหน้างานโยธา 95.94% ตามแผนงานมีกำหนดเปิดให้บริการปี 68 และส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ตามแผนงานคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในปี 66 และมีกำหนดเปิดให้บริการทั้งเส้นทางในปี 71คำพูดจาก ทดลองสล็อต pg
นายภคพงศ์ กล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้ รฟม. ได้ขยายเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 1 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ซึ่งต่อขยายเส้นทางจากรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ที่สถานีเตาปูน ลงมาทางทิศใต้ของกรุงเทพฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจพื้นที่ เพื่อเตรียมดำเนินงานก่อสร้างโครงการ ทั้งนี้ตามแผนงานคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 70 รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาทบทวนปรับปรุงรายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ก่อนนำเสนอโครงการตามขั้นตอนต่อไป
นายภคพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเขตเมืองหลักภูมิภาค รฟม. มีความพร้อมผลักดันโครงการในระยะแรกในพื้นที่ 4 จังหวัด รวม 4 โครงการ ได้แก่ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ สายสีแดง ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์-แยกแม่เหียะสมานสามัคคี โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว ช่วงตลาดเซฟวัน-สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์
และโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดพิษณุโลก สายสีแดง ช่วงมหาวิทยาลัยพิษณุโลก-ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก เพื่อรองรับแผนพัฒนาระบบขนส่ง และระบบโลจิสติกส์อื่นๆ ของกระทรวงคมนาคม ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจองค์รวมของประเทศไทยไปจนถึงระดับภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ รฟม. พร้อมเดินหน้าสู่ปีที่ 31 ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสานต่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายในทุกมิติให้สำเร็จ เกิดผลสัมฤทธิ์ สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ และส่งมอบความสุขให้แก่ประชาชนต่อไป.