GULF ไตรมาส 2 กำไรโต 88.5% ที่ 2,885 ล้านบาท ขายไฟเพิ่มขึ้น-CODโรงไฟฟ้าใหม่
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 66 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 35,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติกัลฟ์ เอสอาร์ซี (GSRC) และโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ เมื่อ 1 ต.ค. 65 และ 31 มี.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 65 ตามลำดับ
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP จำนวน 12 โครงการ ยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มขึ้น โดยมีค่าตัวประกอบการใช้ไฟฟ้า (Load Factor) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 78% ในไตรมาส 2 ปี 65 เป็น 80% ในไตรมาส 2 ปี 66
และยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากการขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 0.17 บาท/kWh ในไตรมาส 2/65 เป็น 1.12 บาท/kWh ในไตรมาส 2/66
นอกจากนี้ GULF ยังรับรู้รายได้ของกลุ่ม THCOM จำนวน 639 ล้านบาท ปรับลดลง 13.1% จากเดือนก่อนหน้า ผลจากการให้บริการบรอดแบนด์ที่ลดลงของลูกค้าไทยคม 4
ขณะที่ในไตรมาส 2/66 GULF รู้ส่วนแบ่งของบริษัทในเครือ 1,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 2 ปี 66 เท่ากับ 8,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เมื่อรวม 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีกำไร6,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น36.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม58,970ล้านบาท เพิ่มขึ้น35.2%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 66 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตขึ้นประมาณ 50% ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จากการเปิดดำเนินการของโครงการของ GULF ในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ซึ่งยังคงดำเนินไปตามแผน โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mekong ที่ประเทศเวียดนามได้เปิดดำเนินการครบทั้งสิ้น 128 เมกกะวัตถ์ เป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือน ก.ค. 66
อีกทั้งโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GPD หน่วยที่ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 662.5 เมกกะวัตถ์ มีกำหนดเปิดดำเนินการในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 และโครงการ Solar Rooftop ภายใต้ GULF1 มีกำหนดจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 40-50 เมกกะวัตถ์ ภายในปีนี้ รวมเป็น 130-140 เมกกะวัตถ์
นอกจากนี้ แนวโน้มค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง จะส่งผลให้กำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ดีขึ้น ในส่วนของธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยภายใต้ Gulf Binance นั้น GULF ได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อย และมีกำหนดเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของ GULF ที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังมีความคืบหน้าตามแผน ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่จะถมทะเลแล้วเสร็จในปี 67 โดยมีแผนจะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ต่อทันที และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง M6 และ M81 ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 68 รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ซึ่งมีกำหนดจะเปิดดำเนินการตามแผน ในส่วนของธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ภายใต้ธุรกิจดิจิทัล คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย. 66 นี้ โดยมีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 68
GULF ไตรมาสแรก โชว์กำไร 3.8 พันล้าน โต 13.4% ขายไฟฟ้าพุ่ง-ปรับขึ้น Ft
INTUCH ปันผลครึ่งปี 1.47 บาท/หุ้น เผยไตรมาส 2 โกยกำไร 2,882 ล้านบาท
ทั้งนี้ GULF ยังคงมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยคาร์บอนต่อหนึ่งหน่วยของการผลิต (Carbon Intensity) ให้ได้ 25% ภายในปี 73 เมื่อเทียบกับปีฐานปี 62 และเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 78 โดยกลุ่ม GULF อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ ซึ่งรวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม
ขณะเดียวกัน GULF ยังมีแผนการในการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ เช่น ยุโรป อังกฤษ อเมริกา และเวียดนาม ทั้งในรูปแบบการลงทุนใหม่ (Greenfield) และการเข้าซื้อกิจการ (M&A)
ล่าสุดหุ้น GULF ก่อนเปิดตลาดเช้าวันที่ 11 ส.ค. 66 ราคาอยู่ที่ 49 บาทต่อหุ้น ปรับเพิ่มขึ้นมาราว 11% จากเมื่อเดือน มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา
อ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่:คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2566